เที่ยวอันซีน สวิตเซอร์แลนด์ Unseen Swiss

เที่ยวอันซีน สวิตเซอร์แลนด์ Unseen Swiss

 

 

อเล็ตช์อารีนา (Aletsch Arena)


        ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ธารน้ำแข็งอเล็ตช์อารีนา สูดอากาศบริสุทธิ์บนเขา แสงอาทิตย์ตั้งแต่เช้ายันค่ำ และชมวิวบนยอดเขาสูง 4,000เมตร/13,000 ฟุตในวาเลส์ ที่ราบสูงปลอดรถยนต์เหนือหุบเขาโรน (ความสูง 2,000 เมตร/ 6,500ฟุต) ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงามแทบลืมหายใจที่สำคัญใช้เวลาเดินทางด้วยกระเช้าไฟฟ้าเพียง 7- 10 นาทีเท่านั้น

         จุดชมวิว 3 แห่ง คือ มูสฟลูห์ (Moosfluh) เบ็ตต์เมอร์ฮอร์น(Bettmerhorn) และเอ็กกิสฮอร์น (Eggishorn) ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์ยาวถึง 20 กิโลเมตร/12.6 ไมล์ตลอดแนวธารน้ำแข็งอเล็ตช์ ถือเป็นแนวน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์และเป็นหัวใจของมรดก โลก Swiss Alps’ Jungfrau-Aletsch UNESCO เทียบเท่ากับแมตเตอร์ฮอร์นหรือจุงเฟราการเดินบนธารน้ำแข็งร่วมกับการเล่นสกีที่อเล็ตช์ อารีนาถือเป็นสวรรค์บนดินของนักปีนเขาและผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี


บริก ซิมพลอน (Brig Simplon)



         บริก ซิมพลอนมีประวัติศาสตร์ยาวนานและปราสาทสต็อกอัลเปอร์ ที่ตั้งอยู่ตรง Upper Valais ที่เชิงเขาของซิมพลอนพาส (Simplon Pass)

ต่อมากลายเป็นสถานีสำคัญที่เป็นประตูสู่ประเทศอิตาลีจากโดมอดอสโซ ลา (I) บริกนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางใกล้กับพื้นที่เดินป่าและลานสกีล็อทเชอะแบร์ก(Lotschberg) ซิมพลอน(Simplon)

และอเล็ตช์ (Aletsch)ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนซึ่งเป็นจุดพักผ่อนที่น่าสนใจ แม้จุดเล่นสกีจะมีขนาดไม่ใหญ่มากทั้งที่ร็อธวาล วาเซ็นแอลป์ (Rothwald-Wasenalp) และ รอสวาลด์ (Rosswald) ที่ราบสูงเหนือหุบเขาโรห์นแต่กลับดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวไม่ใช่น้อย



ซาสเฟ/ซาสตาล (Saas-Fee/Saastal)



       คงจะไม่มีที่ไหนที่จะทำให้วันหยุดของคุณสวยงามได้เท่านี้อีกแล้วเพราะที่ซาส วัลเลย์ (Sass Valley) (ซาส-เฟ, ซาส-กรึนด, ซาส-อัลมาเกล,ซาส-บาเล็น) เป็นที่ตั้งของ “โดม” ภูเขาสูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์มีความสูงถึง 4,545 เมตร/14,911 ฟุต เราสามารถมองเห็นความสง่างามของ ”โดม” ได้จากภัตตาคารหมุนได้ที่สูงที่สุดในโลกเช่นกัน ช่วงฤดูร้อนคุณจะได้เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวแบบเดย์ทริป(ไปเช้าเย็นกลับ)หลากหลายเส้นทางรวมถึงเส้นทางเดินป่าระยะทาง 350กิโลเมตร/217 ไมล์
        แน่นอนต้องไม่ลืมสมาชิกที่น่ารักน่ากอดที่สุดของซาส-เฟอย่างมาร์มอตแสนเชื่อง ส่วนในฤดูหนาวสภาพหิมะบนเขาอันโดดเด่นและเนินหิมะลาดชันที่ทำให้ซาส-เฟ/ซาสวัลเลย์เป็นเสมือนสวรรค์ของคนรักกีฬาฤดูหนาวอย่างแท้จริง



ลอยเคอบัด (Leukerbad)



        รีสอร์ตสปาน้ำแร่ที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ใจกลางภูเขาของรัฐวาเลส์

คุณจะได้พบกับสปาน้ำแร่ที่ใหญ่ที่สุดและรีสอร์ตเพื่อสุขภาพในเทือกเขาแอลป์ นั่นคือ “ลอยเคอบัด” น้ำพุร้อนเพื่อการบำบัดโรคปริมาตร 3.9ล้านลิตร/1 ล้านแกลลอน

         มีอุณหภูมิสูงถึง 51 องศาเซลเซียส/124องศาฟาเรนไฮด์ไหลสู่ บ่อน้ำแร่ 32 แห่งเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายหลังจากความเหนื่อยล้าจากกิจวัตรประจำวันและที่สุดยอดที่สุดก็คือ ที่นี่เปิดให้บริการตลอด 365 วันใน 1 ปี หลังจากเดินด้วยระยะทางสั้นๆจากหมู่บ้านคุณจะถึงเขตภูเขาเก็มมี (Gemmi) และ ทอร์เรนท์ (Torrent)ลอยเคอบาดเหมาะสำหรับคนรักความสงบ คนรักธรรมชาติคนรักกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้หลงใหลในการทำอาหารผู้เสพวิวพานอรามา ครอบครัวและคู่รักที่เดินทางมาพักผ่อนกันเพียงลำพังหรือมากันเป็นกลุ่ม เล็กๆก็คู่ควรเช่นกัน



เขตธียง (Thyon Reigon)

 


        ธียงเป็นเขตท่องเที่ยวที่เหมาะกับวันหยุดอันแสนสดใส ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของ Val d’Herens (วาลเดเริน) ในวาเลส์ตอนกลางไม่ไกลจากเมืองหลวงซิยงที่อยู่ในระดับความสูง 1,500 ถึง 2,000 เมตร

        ธียงเป็นสถานที่ที่ถูกดัดแปลงเพื่อสนองความต้องการของนักเล่นสกีและยังอยู่ทางตะวันออกของหุบเขา 4 แห่งรีสอร์ตในธียงเหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มีอพาร์ตเมนต์สำหรับพักผ่อนมากมายและยังมีวิวพานอรามาสวยงามอย่างเบอร์นีส (Bernese) วาเลส์ (Valais) โว แอลป์ (Vaud Alps)ซึ่งถูกบดบังโดยแมตเตอร์ฮอร์นและดองต์บลองชซึ่งมีความสูงเกินกว่า4,000 เมตร เราสามารถมองเห็นเขื่อนกรองดิซองซ์ (Grande Dixence) เป็นเขื่อนคอนกรีตแบบถ่วงน้ำหนักที่สูงที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในยุโรปได้จากที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนที่หลงใหลทะเลสาบใต้ดินคุณจะได้พบกับทะเลสาบใต้ดินเซนต์เลียวนาร์ด (St.Leonard) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป



น็องดา/เวย์ซอนนา (Nendaz/Veysonnaz)



        น็องดา/เวย์ซอนนาตั้งอยู่ใจกลางของรัฐวาเลส์ที่ที่จะทำให้คุณเห็นวิวอันน่าทึ่งของโรนวัลเลย์ (Rhone Valley)และยังเป็นด่านหน้าของ 4 หุบเขาสำคัญ ซึ่งถือเป็นลานสกีที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในฤดูหนาวจะมีหิมะครอบคลุมพื้นที่กว่า 400 กิโลเมตร/248 ไมล์ในทุกระดับความสูง จากมงต์ฟอรต์(Mont-Fort) (3,300เมตร/10,925 ฟุต) สามารถขึ้นไปด้วยกระเช้าไฟฟ้าและจะเห็นเทือกเขาแอลป์แบบพานอรามาและที่เด่นชัดที่สุดก็คงเป็นแมตเตอร์ฮอร์นและยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงการเดินไปตามทางน้ำโบราณที่สร้างขึ้นเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำไปใช้ในการเพาะปลูกและการทำสวนผลไม้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยน็องดา/เวย์ซอนนารอต้อนรับคุณอยู่ด้วยสัญญาที่จะทำให้คุณได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง



เขตมาร์ตินญี่ (Martigny Region)



         มาร์ตินญี่ตั้งอยู่ในหุบเขาโรห์นระหว่างไร่องุ่นและสวนผลไม้เขตนี้มีสีสันที่สุดในรัฐวาเลส์ เหนือสิ่งอื่นใด มาร์ตินญี่ถือเป็นเมืองสำคัญแห่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของมูลนิธิปิแยร์ เจียนัดดา (Pierre Gianadda)และสถานที่จัดงานนิทรรศการศิลปะอันทรงเกียรติ มีโรงกลั่นโมรองด์ (Morand) และผลงานสำคัญของที่นี่ก็คือบรั่นดี Williamine อันเลื่องชื่อและเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แบร์รี่แลนด์(Barryland) กับเรื่องราวของสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดการตั้งอยู่ตรงทางแยกระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลีและการอยู่ที่ใจกลางของวาเลส์ เขตมาร์ตินญี่จึงเปิดต้อนรับทุกท่านตลอดทั้งปี และแน่นอนคุณจะได้พบกับกิจกรรมสุดพิเศษที่หลากหลายทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว : พิพิธภัณฑ์โบสถ์เซนต์มอริส(St.Maurice) สปาซายงและลาเวย์ ลานสกีที่ เล แมร์กค็อต (Les Marecottes) และสวนสนุกเวอร์ติกแอลป์ อีมอสเซิ่น (Vertical Emosson) สวนสัตว์เล แมร์กค็อต (Les Marecottes) และช่องเขาทรียอง (Trient) และดูร์นองด์ (Durnand)และนี่คือเหตุผลสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


เรชิยง ด้องท์ ดูมิดิ (Region Dents du Midi)



         ตามสำเนียงสวิตเรียกว่า ปอร์กต ดู โซเลย (Portes du Soleil เขตด้องด์ ดู มิดิครอบคลุมถึง 6หมู่บ้านบนเทือกเขาแอลป์ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ใกล้กับทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวา หมู่บ้านเหล่านี้ตั้งอยู่ตามแนวหุบเขาวาลดีลิเย่(Val d’Illiez) ถือเป็นครึ่งหนึ่งของ Portes du Soleil เรียกได้ว่าเป็นลานสกีที่ใหญ่ที่สุดในโลกมี ความงามตามธรรมชาติภายในพื้นที่กว่า 800 ตารางกิโลเมตร/308 ตารางไมล์ เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่มียอดเขาสูงตระหง่านพร้อมทิวทัศน์อันแสนงดงามแม้จะเป็นเขตชายแดนระหว่างฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่นักเพราะมีหญ้าปกคลุมสุดลูกหูลูกตาฟังดูเหมือนจะน่าเบื่อแต่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับทุกคน



รถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส (Glacier Express)



       จากเซอร์แมตต์และแมตเตอร์ฮอร์นท่านจะได้เดินทางชมวิวพานารามาข้ามสะพานกว่า 291 แห่งและลอดอุโมงค์ 91 แห่ง ระหว่างเส้นทางจากสวิสแอลป์ถึงเซนต์มอริสการเดินทางผ่านหุบเขาอันแสนไกล ผ่านภูเขาสูงชันหมู่บ้านบนเขาอันงดงามเหนือสะพานลันด์วาสเซอร์ เวียดัก (Landwasser Viaduct) และทะลุผ่านช่องเขาไรน์ แกรนด์แคนยอนแห่งสวิตเซอร์แลนด์ รถไฟกลาเซียร์เอ็กซ์เพรสไต่ระดับขึ้นไปยังจุดสูงสุดที่ช่องเขาโอเบอร์แอลป์ (Oberalp) ที่ระดับความสูง 2,033 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต้องขอบคุณกระจกหน้าต่างแบบพานอรามาเราจึงเห็นภาพของยอดเขาทั้งหลายอย่างชัดเจน แม้แต่ช่องเขาลึกด้านล่าง องค์การยูเนสโกถึงกับตั้งฉายาให้ว่า ”SwissAlps Jungfrau-Aletsch” และนอกจากนี้ยังมี รางรถไฟเรเชี่ยน (RhaetianRailway) ในอาบูลา/เบอร์นีน่า ก็ให้บริการเส้นทางนี้เช่นกัน นอกจากนี้ กลาเซียร์เอ็กซ์เพรสยังมีบริการอาหารซึ่งปรุงสุกใหม่ในครัวบนรถไฟและจัดเสิร์ฟถึงที่นั่งของผู้โดยสารอีกด้วย



รถไฟกอร์เนอร์กราต (Gornergrat)


       ถ้าคุณอยากค้นหาความงามอันน่าตื่นตะลึง คุณจะได้พบว่าการเดินทางสู่กอร์เนอร์กราตเป็นเส้นทางที่พลาดไม่ได้ที่นี่ชานชาลาจะอยู่ท่ามกลางแสงแดด สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ทำให้กอร์เนอร์กราดเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ สำหรับนักท่องเที่ยว สิ่งพิเศษไม่ใช่เพียงแค่ระดับความสูงเท่านั้น กอร์เนอรกราดถูกล้อมรอบด้วยยอดเขา 29 แห่งซึ่งล้วนสูงกว่า 4,000เมตร โอบล้อมด้วยภูเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์“แมตเตอร์ฮอร์น”และเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเทือกเขาแอลป์เราจะเห็นวิวภูเขาแบบพานอรามาสวยไม่เป็นรองใครและ“เส้นทางรถไฟแมตเตอร์ฮอร์น”ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติราวกับจะสัมผัสได้ รถไฟสายกอร์เนอร์กราดทำให้เราพบกับวิวภูเขาที่เป็นเอกลักษณ์และได้ประสบการณ์ที่งดงามเป็นเวลากว่า 120 ปีมาแล้ว จากเซอร์แมตต์ รีสอร์ตพักผ่อนที่เป็นที่นิยมของรัฐวาเลส์รถไฟฟันเฟืองแบบเปิดโล่งที่สูงที่สุดในยุโรปเปิดให้บริการทุกวัน ทุกๆ 24 นาที(แต่จะปรับเป็นทุกๆ 48นาทีในช่วงนอกฤดูกาล)ไต่ขึ้นไปถึงกอร์เนอร์กราตห่างไป 9,339 เมตร รถไฟข้ามสะพาน แกลอรี่ อุโมงค์ ป่า และทุ่งหญ้าอัลไพน์ ผ่านหน้าผาสูงชันที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและที่สำคัญที่สุด คือ แมตเตอร์ฮอร์น


เล เซอลีเย เดอ ซียง (Les Celliers de Sion)



        สวนไวน์แห่งแรกใจกลางรัฐวาเลส์ เล เซอลีเย เดอ ซียง (Les Celliers de Sion)

ขอเชื้อเชิญให้คุณเข้าสู่การค้นพบที่พิเศษสุดของประวัติศาสตร์และไวน์ แห่งบงแวง (Bonvin) และวาโรน (Varone)ที่ได้รับออกแบบศูนย์กลางการทัวร์ชิมไวน์เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในสวิตเซอร์แลนด์ ทุกแง่มุมของเนินเขาแห่งนี้ทำให้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของโรห์นวัลเลย์