ทัวร์ส่วนตัวสเปน (SPN002) - อันดอร์รา - โปรตุเกส (Best of Grand Spain-Andorra-Portugal) 18 วัน 17 คืน

       


        


       
       
       เที่ยวสเปน-โปรตุเกส แถมด้วยประเทศอันดอร์รา ประเทศขนาดเล็กอีก ไม่เหมือนใคร แบบเต็มอิ่ม 18 วัน 17 คืน (ไม่รวมวันเดินทาง) เริ่มทริปบิลบาว จบทริปที่ลิสบอนค่ะ (ต้องขอวีซ่าแบบ multi เพื่อเข้า อันดอร์รา)

 ทัวร์ส่วนตัวสเปน - อันดอร์รา - โปรตุเกส (Best of Grand Spain-Andorra-Portugal) 18 วัน 17 คืน

Day 1 - Madrid - Bilbao, Spain
       Day 2 - Zaragoza, Spain
       Day 3 - ประเทศ Andorra
       Day 4 - Barcelona, Spain
       Day 5 - Valencia, Spain
       Day 6 - Murcia, Spain
       Day 7 - Granada, Spain
       Day 8 - Malaga - Seville, Spain
       Day 9 - Cordoba - Toledo, Spain
       Day 10 - Madrid, Spain
       Day 11 - Segovia - San Lorenzo de El Escorial, Spain
       Day 12 - Madrid - Salamanca, Spain
       Day 13 - Porto, Portugal
       Day 14 - Guimaraes, Portugal
       Day 15 - Braga, Portugal
       Day 16 - Lisbon, Portugal
       Day 17 - Sintra, Portugal
       Day 18 - Lisbon - Airport, Portugal
       
       
       
       ไปเที่ยวช่วงไหนดี
       1. กันยายน-พฤศจิกายน
       2. มีนาคม-พฤษภาคม
       
       
       การเดินทาง
       ค่าตั๋วประมาณ 36,000 บาท ++
       สายการบิน KLM
       สายการบิน LUFTHANSA
       สายการบิน TURKISH AIRLINE
       สายการบิน Qatar Airways...
       สายการบิน BRITISH AIRWAYS
        

1 - Madrid - Bilbao

 


       
       ท่านเดินทางถึงสนามบินมาดริด (Adolfo Suarez Madrid-Barajas Airport) ต่อเครื่องบินไป Bilbao เรารอรับท่านที่สนามบิน Bilbao Airport
       
       พาเที่ยวเมือง Bilbao ทางเหนือของสเปน ในแคว้นบาสก์ (Basque) เมืองท่าอุตสาหกรรม มีทั้งของใหม่และเก่าเข้ากันอย่างกลมกลืน เมืองขนาดไม่ใหญ่มากนัก เที่ยวสบาย เป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมระดับโลกแห่งยุค 90
       
       พาชมโรงละคร Arriaga อันเก่าแก่ (Teatro Arriaga)
       
       ชมห้องสมุดประชาชนซึ่งเป็นอาคารกระจกสวยงาม
       
       
       เที่ยวชมเขตเมืองเก่า (Casco Viejo) จุดเริ่มต้นของเมืองบิลเบาเมื่อหลายร้อยปีก่อน ชมโบสถ์ Santiago (Santiago de Compostela) กลางเขตเมืองเก่า
       
       ชมแม่น้ำ Nervion ไหลผ่ากลางเมือง มีสะพาน Zubizuri สำหรับคนเดินข้าม ออกแบบโดย Santiago Calatrava สถาปนิกคนดัง
       
       
       พิพิธภัณฑ์ Guggenheim Bilbao Museum ผลงานของ Frank Gehry สถาปนิกชาวแคนาดา-อเมริกัน ซึ่งเป็นพระเอกของเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยว Bilbao
       
       ตกตอนเย็นขึ้นกระเช้า Funicular de Artxanda ไปยอดเขา Mount Artxanda ดูเมืองบิลเบาจากมุมสูง
       
       ค้างคืน Bilbao : ตัวอย่างโรงแรม Holiday Inn Express Bilbao
       
       
       2 - Zaragoza


       
       

ออกเดินทางสู่เมือง ซาราโกซา (Zaragoza) ระยะทาง 300 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งอยู่ในแคว้นอารากอน เป็นเมืองที่ศาสนาคริสต์เริ่มเข้าสู่สเปนครั้งแรก
       
       เมือง Zaragoza หรือ Saragossa ในภาษาสเปน มีบทบาทในการก่อตั้งราชอาณาจักรสเปน อยู่ริมแม่น้ำเอโบร(Ebro) และบรรดาเเควสาขาของเเม่น้ำอวยร์บาและเเม่น้ำกาเยโก ภูมิประเทศของที่นี่นั้นจะมีความหลากหลาย มีทั้งทะเลทรายอย่าง โลสโมเนโกรส เเถมด้วยทุ่งหญ้า ที่เขียวขจีเเละสวยงามอย่างมาก รวมทั้งป่าทึบที่หน้าเเละทิวเขา จึงทำให้มีความน่าสนใจเเละน่ามาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
       
       เริ่มเที่ยวตรงใจกลางเมือง La Seo del Salvador เขตย่านเมืองเก่าที่คุณจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันลงตัวระหว่างสไตล์โรมันเเละอาหรับ ซึ่งเคยเข้ามาปกครองเมืองเเห่งนี้กันทั้งสองชนชาติ พบกับความงดงามของซากปรักหักพังของอาคารเก่าเเก่มากมาย บางจุดก็ได้รับการบูรณะให้มีสภาพน่ามาเข้าชมเเละท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
       
       ชมมหาวิหาร Basilica de Nuestra Senora del Pilar (Cathedral-Basilica of Our Lady of the Pillar) อันยิ่งใหญ่และงดงามริมแม่น้ำเอโบร เป็นมหาวิหารที่มียอดโดม 8 เหลี่ยมเด่นแต่ไกล
       
       มหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ ซึ่งเป็นวิหารขนาดใหญ่ที่มีความเก่าเเก่ของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก โดยตัวของวิหารนั้นมีการก่อสร้างมาในเเบบบาร็อคอันสวยงามเเละโดดเด่นด้วยหอคอยสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความนิยมในการเดินขึ้นไปเที่ยวชมยังหอคอยเพื่อชมความสวยงามของทิวทัศน์เมืองซาราโกซาอันเก่าเเก่อีกด้วย ซึ่งนับว่าที่นี่เป็นเเหล่งชุมนุมของบรรดานักท่องเที่ยวที่ต้องการมาชมความสวยงามของเเลนด์มาร์ค ณ เมืองเเห่งนี้ พอคุณเดินออกจากตัวมหาวิหารเเล้วเส้นทางเดินที่เป็นหินโบราณก็จะนำพาคุณมาสู่จัตุรัส Plaza del Pilar ซึ่งว่ากันว่าเป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปอีกด้วย โดยมีความสวยงาม เก่าเเก่ เเละมีสีสัน ช่วยให้การมาเที่ยวซาราโกซา ของคุณนั้นมีความประทับใจอย่างเเน่นอนเลยทีเดียว
       
       ชมโบสถ์ San Pablo
       
       ชมพระราชวัง Aljafera Palace อารยธรรมแขกมัวร์ที่สวยงามไม่แพ้พระราชวังอาลัมบราในเมืองกรานาดาทางใต้ของสเปนเลย เป็นพระราชวังเก่าเเก่สร้างมาตั้งเเต่ช่วงศตวรรษที่ 11 เป็นพระราชวังฤดูร้อน ปัจจุบันยังคงความสวยงาม ส่วนที่มีความเก่าเเก่ที่สุดของพระราชวังเเห่งนี้ก็คือในส่วนของ Troubadour ทาวเวอร์ เป็นฐานสี่เหลี่ยมซึ่งภายในจะมีการประดับประดาด้วยเเสงไฟจากโมเส
       
       
       ตลาด Mercado ซึ่งเป็นตลาดกกลางของเมืองซาราโกซา ที่ยังคงรักษาบรรยากาศในการค้าขายเเบบดั้งเดิมของสเปนเอาไว้ได้ ซึ่งเเน่นอนว่าใครอยากจะรู้จักสิถีชีวิตของชาวสเปนจริงๆ เเละยิ่งเป็นเเบบดั้งเดิมด้วยเเล้วต้องไม่พลาดมาเที่ยวชมความน่าสนใจของตลาดเเห่งนี้
       
       
       อุทยาน Primo de Rivera ที่ว่ากันว่าเป็นโอเอซิสเเห่งซาราโกซา นั้นก็เรียกว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเเทบจะไม่พลาดมาเที่ยวชมกัน เพราะมันตั้งอยู่ใจกลางเมือง เเต่กลับมีบรรยากาศที่เเสนจะเงียบสงบ เเละน่ามานั่งชิลๆ
       
       ค้างคืน Zaragoza : ตัวอย่างโรงแรม Hotel Goya
       
       
       3 - ประเทศ Andorra

 


       
       ออกเดินทางสู่ประเทศ Andorra ระยะทาง 300 กิโลเมตร ใช้เวลา 5 ชั่วโมง ประเทศ Andorra เป็นประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่งในเทือกเขา Pyrenees ระหว่างสเปนและฝรั่งเศส มีเมืองหลวงชื่อ Andorra la Vella ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่สามารถเดินเที่ยวได้ทั่วเมือง
       
       
       ประเทศอันดอร์รา (Andorra) หรือ ราชรัฐอันดอร์รา (Principality of Andorra) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพื้นที่ขนาดเล็ก อยู่ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป อยู่ในเทือกเขา Pyrenees ทางตะวันออก มีอาณาเขตติดกับประเทศฝรั่งเศส และสเปน
       
       เดิมเคยเป็นประเทศอยู่โดดเดี่ยว ปัจจุบันอันดอร์รานับเป็นประเทศที่มั่งคั่งประเทศหนึ่ง โดยมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว และยังเป็นประเทศที่มีการเก็บภาษีที่ต่ำมากด้วย
       
       อันดอร์ราไม่มีสนามบินและทางรถไฟ วิธีการเดินทางเข้าไปจึงมีเพียงวิธีเดียวคือนั่งรถบัสจากเมืองเมืองบาร์เซโลนาของสเปนหรือเมืองตูลูส (Toulouse) ของฝรั่งเศส ไปยังกรุงอันดอร์รา ลา เวลลา (Andorra La Vella) เมืองหลวงของประเทศอันดอร์รา
       
       แต่เราจะเดินทางด้วยรถตู้นะคะ แล้วพาเที่ยว ชมโบสถ์หินโบราณ Esgl?sia de Sant Estev / โบสถ์โรมัน Sant Joan de Caselles Churc / และโบสถ์หินEsgl?sia de Sant Mart? de la Cortinada ที่บูรณะขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17 ชมพิพิธภัณฑ์ Roques al carrer Museum
       
       ค้างคืน Andorra la Vella (ประเทศ Andorra) : Hotel de l'Isard
       
       (ประเทศนี้ถือเป็นของแถมในการมาเที่ยวสเปน หากมีเวลาและไม่รีบร้อน หากไม่สนใจแวะเที่ยวประเทศนี้ ก็เดินทางข้ามไป Barcelona ได้เลย)
       
       
       4 - Barcelona


       
       ออกเดินทางด้วยระยะทาง 269 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที เที่ยวบาร์เซลโลน่าซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็นนครหลวงในเมดิเตอร์เรเนียน ที่สวยงามเจริญรุ่งเรืองด้วยธุรกิจท่าเรือและการค้า เมืองท่องเที่ยวสำหรับของยุโรปที่คอยุโรปห้ามพลาด
       
       เมืองท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งสเปนในดวงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย เป็นทั้งแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ แหล่งอาหารชั้นเลิศ และยังเป็นเมืองศิลปะชื่อดังที่ควรไปเยือนสักครั้ง เมืองนี้เต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรมของศิลปินเอกอย่างเกาดี้ (Antoni Gaud?) และโดเมเนช (Luis Dom?nech) จนทำให้เมืองทั้งเมืองมีเอกลักษณ์สวยเด่นแตกต่างจากเมืองยุโรปเก่าอื่นๆ
       
       พาเดินเล่นถนนคนเดินลารัมบรา (La Rambla Road) อันโด่งดัง แวะซื้อของฝากที่ตลาด Mercat de la Boqueria ชมอนุสาวรีย์โคลัมบัส (Monument a Colom or Columbus Monument) ที่อยู่สุดปลายถนนลารัมบรา ชมเขตเมืองเก่าบาร์รี โกติก (Barri Gotic)
       
       ขึ้นกระเช้าชมเนินเขามองต์คูอิก (Montjuic) ซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นบาร์เซโลนาทั้งเมือง สวยงามมาก แวะชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติกาตาลุนญา (Museu Nacional d'Art de Catalunya) หากต้องการ และชอปปิ้ง
       
       ค้างคืน Barcelona : ตัวอย่างโรงแรม Holiday Inn Express Barcelona City 22@
       
       ปล. หากวันนี้ต้องการ สามารถชมฟุตบอล หรือทัวร์สนามฟุตบอลได้ หรือถ้ามีเด็ก แนะนำให้ไปเที่ยว ป่าอเมซอนขนาดย่อม ที่ถูกบรรจุไว้ในตู้กระจกขนาดใหญ่ เป็นแม่เหล็กสำคัญที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงกับการมาเยี่ยมชม ที่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ CosmoCaixa ค่ะ
       
       
       
       5 - Valencia

 


       
       ช่วงเช้า หากท่านชอบศิลปะ จะพาชมงานของศิลปินสเปนที่ดังที่สุด คือ เกาดี้ ทำให้เมืองบาร์เซลโลน่า ได้ชื่อว่าเป็นเมืองของเกาดี้ (City of Gaudi)
       
       ชม “โบสถ์ซากราด้า แฟมิเลี” และอาคาร “กาซ่า บัตโย” “กาซา มิลา เกาดี้” ทั้งสองแห่งออกแบบให้คหบดี และเกวล (Park Guell)
       
       และชมวิหาร Sagrada Familia ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน ออกแบบก่อสร้างในรูปแบบที่ผสมผสานศิลปะระหว่าง โมเดิร์นนิสโม และอาร์ต นูโว โดย Antonio Gaudi สถาปนิกอัจฉริยะคนดังของโลก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทุกคนที่มาเยือนวิหารแห่งนี้จะรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1882 ซึ่งวิหารแห่งนี้เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นวิหารที่สูงที่สุดในโลก (170 เมตร) แต่สถาปนิกกลับเสียชีวิตลงเสียก่อน
       
       การสานต่อการสร้างวิหารนี้ โดยคาดว่าจะสำเร็จบริบูรณ์ในปี 2026 เพื่อให้ทันครบรอบ 100 ปีการเสียชีวิตของ Gaudi ปัจจุบันวิหารแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก แม้ว่าจะยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม วิหารนี้เป็นวิหารที่มีความแปลกตาไปจากสถาปัตยกรรมชิ้นอื่นๆ ของ Gaudi คือ แทนที่จะออกแบบตัวอาคารภายนอกให้แลดูมีความสนุก สีสันสดใส เขากลับเลือกใช้โทนสีธรรมชาติ แต่กลับก่อให้เกิดความรู้สึกมีมนต์ขลัง เปี่ยมด้วยพลังศรัทธาในคริสตศาสนาอย่างน่าประหลาด
       
       ความโดดเด่นของวิหารนี้ คือ ดีไซน์การออกแบบที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของตัววิหารที่สูงเสียดฟ้า รายละเอียดของพื้นผิวอาคาร รูปปั้นแกะสลักที่ประดับอยู่ตามส่วนต่างๆ ของวิหาร รวมถึงความยิ่งใหญ่อลังการภายในตัววิหาร สถาปนิกได้ใช้ประโยชน์การตกกระทบของแสงแดดกับกระจกสี มาทำให้เกิดลวดลายและสีสันที่งดงามตระการตาอยู่ภายใน
       
       ที่มา text : http://www.culturedcreatures.co/space-that-inspires/
       
       
       จากนั้นนำชมสนามฟุตบอล เอล กัมป์ โนว ของทีมบาร์เซโลน่า หรือคัมป์ นู (Camp Nou) ความจุ 98,787 คน เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ในเมืองบาร์เซโลน่
       
       ได้เวลาพอสมควรออกเดินทาง 350 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งเพื่อไปยังเมือง Valencia โดยหากมีการชมฟุตบอล จะเลื่อนเดินทางไปเมือง Valencia ในวันถัดไป
       
       ค้างคืน Valencia : ตัวอย่างโรงแรม Hotel Mediterraneo
       
       
       
       6 - Murcia


       
       ช่วงเช้าพาเที่ยว "เมืองบาเลนเซีย" หรือ "วาเลนเซีย" (Valencia) เป็นแคว้นปกครองตนเอง เมืองใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของสเปน ที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย (Valencia Club de Futbol) หรือ ไอ้ค้างคาว
       
       ขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลเผาหุ่นลาฟายัส (La Fallas) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นเมืองศิลปะและเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ชื่อดังของประเทศ และยังเป็นบ้านเกิดของอาหารสเปนจานเด็ดเพล่า (Paella) และเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของมันคือหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในสเปน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในสเปน มีเสน่ห์และน่ามาเที่ยว
       
       พาชมหอคอยตอร์เรส เด เซอรานอซ (Torres de Serranos) เป็นป้อมปราการเมืองยุคกลางที่ตั้งอยู่ประมาณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเขตเมืองเก่า ถือวาเป็นหนึ่งในจุดชมวิวเมืองที่ดีที่สุดของเมือง
       
       ชมมหาวิหารวาเลนเซีย ถูกสร้างขึ้นในสไตล์ผสมผสานอาทิ กอธิค , นีโอคลาสสิก , บาร็อค และติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมถ์ประจำเมือง ตลอดสองข้างทางมีภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
       
       ชมย่านใจกลางจตุรัสเมืองเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลาง , ที่ทำการไปรษณีย์ , ร้านค้า, สนามสู้วัวกระทิง และไม่พลาดไปเยือน มหาวิหารวาเลนเซีย หรือ มหาวิหารซานตามาเรียแห่งบาเลนเซีย (Catedral de Santa Maria de Valencia) มหาวิหารที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าที่ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าอาคารสำคัญๆมากมาย
       
       หากมีเวลาเหลือ เมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ (City of Arts and Sciences) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญของเมืองบาเลนเซีย เป็นอาคารที่มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่ซับซ้อน ได้รับการออกแบบโดย Santiago Calatrava และ Felix Candela สร้างบนพื้นที่ทั้งหมด 350,000 ตร.ไมล์
       
       เยือน ซาน มิเกล เด ลอส เรเยส (San Miguel De Los Reyes Monastery) เป็นอารามเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่สิบหก โดยดยุคแห่งกาลาเบรีย (Duque de Calabria) เป็นอารามที่ถูกสร้างขึ้นในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ถือว่ามีความซับซ้อนทางสถาปัตยกรรม เป็นหนึ่งในอาคารที่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของศิลปะวาเลนเซียอีกด้วย
       
       ออกเดินทางด้วยระยะทาง 218 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อไปค้างคืนที่เมือง Murcia
       
       ค้างคืน Murcia : ตัวอย่างโรงแรม Balneario de Archena - Hotel Levante
       
       
       
       7 - Granada

 


       
       หากต้องการช่วงเช้า แวะเที่ยวเมือง Murcia เล็กน้อย เดินเล่นริมอ่าวบรรยากาศดีๆ
       
       จากนั้นออกเดินทาง 278 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาทีสู่เมือง Granada กรานาดาเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการผสมผสานของศิลปวัฒนธรรมได้อย่างลงตัวเมืองหนึ่ง และเป็นเขตของอาณาจักรชาวมัวร์โบราณที่ยังคงมีงานสถาปัตยกรรมให้ได้เห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะป้อมอัลฮัมบร้า (The Alhambra citadel) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่สวยงามที่สุดของยุโรป
       
       เมืองนี้ที่มั่นด่านสุดท้ายของชาวมัวร์ เป็นอดีตเมืองหลวงของพวกมัวร์ เมืองที่มีความเจริญสูงสุดทั้งทางวัตถุและศิลปะที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของพวกมัวร์และชาวยิว
       
       พาชมพระราชวังอาลัมบรา (Alhambra Palace) อันงดงามอลังการและมีความละเอียดมาก ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่แม้ไม่มีอันดับอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นสุดยอดทางศิลปะของมัวร์ ชมด้านในพระราชวังหลวง (Nasrid Palace) สวนสวย และพระราชวังเฆเนราลิเฟ พระราชวังฤดูร้อนของสุลต่าน ความงดงามของอุทยานสวนอันร่มรื่น (ควรจองตั๋วล่วงหน้า)
       
       พาเที่ยวย่านอัลไบย์ซิน (Albayzin) ชมมหาวิหาร และโบสถ์หลวง (Capilla Real) และย่านชอปปิ้ง ยามค่ำคืนของเมืองนี้คึกคักและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
       
       ค้างค้น Granada : ตัวอย่างโรงแรม Reina Cristina
       
       
       
       
       8 - Malaga - Seville

 


       
       ออกเดินทาง 214 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาทีสู่เมืองเซบีญา (Seville) หรือ เซวิลล์ เมืองใหญ่อันดับ 4 ของสเปน อยู่ทางใต้ของสเปน เป็นเมืองหลวงของแคว้น Andalucia อยู่ไม่ไกลจากชายแดนที่จะข้ามฝั่งไป Morocco (ระหว่างทางไปเมืองเซบีญา หากต้องการ พาแวะเที่ยวเมือง Malaga ได้นะคะ)
       
       เมืองเซบีญา เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดังระดับโลก เมืองโรมันเก่าแก่และเป็นเขตเมืองมรดกโลก เซบียาเต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายและยังเป็นบ้านหลังสุดท้ายของนักผจญภัยชื่อดัง คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus)
       
       ชมมหาวิหารแห่งเซบีญา (Catedral de Sevilla) เป็นโบสถ์สไตล์ Gothic ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน และใหญ่ที่สุดในสเปน
       
       สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างงามวิจิตร สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้
       
       ชมพระราชวังหลวงอัลกาซาร์ (Alcazar of Seville) จากความคิดสร้างสรรค์ของชาวมัวร์ ในอดีตเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์สเปนมาก่อน
       
       ชมจัตุรัสเอสปันญา (Plaza de Espaya) จัตุรัสที่อลังการสวยที่สุด สถานที่ถ่ายทำ Star Wars หลายภาค ชมหอคอยทองคำ (Torre del Oro) ชมทัวร์สนามสู้วัวกระทิง (Plaza de Toros de la Maestranza) หากต้องการ
       
       ค้างคืน Seville : ตัวอย่างโรงแรม Hotel AACR Museo
       
       
       
       9 - CORDOBA - Toledo

 


       
       เดินทางไปเมืองกอร์โดบ้า ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ระยะทาง 141 กิโลเมตร เมืองกอร์โดบ้าเป็นเมืองมรดกโลกที่ครั้งหนึ่งในอดีตมีความรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นเมืองแห่งการปกครองของโลกตะวันตก เป็นอีกเมืองหนึ่งของสเปนที่มีศิลปะของชาวมัวร์โบราณและสุเหร่าที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่เที่ยวน่าสนใจ เช่น สุเหร่าเมกวิต้า (Mezquita) สะพานโรมัน ถนนดอกไม้ (Calle de las Flores) เขตเมืองเก่า (Old City) กำแพงเมืองโบราณ (City Wall) ป้อมปราการโบราณ (Royal palace-fortress) พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อัล-อันดาลุส ไลฟ์ (Museum of Al-Andalus Life)
       
       อยู่ในสเปนตอนใต้ ในแคว้นเกษตร ที่ผลิตน้ำมันมะกอก พืชไร่ องุ่น ฝ้าย และดอกทานตะวัน แคว้นนี้อากาศดีตลอดปี ทำให้เมืองกอร์โดบา ที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรเม็ดเอกแห่งแคว้นอันดาลูเซีย มีรากจากอาณาจักรกาหลิบของชาวมุสลิม ในศตวรรษที่ 10 เคยยิ่งใหญ่มาก เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของโลก รองจากอาณาจักรคอนสแตนติโนเปิลเท่านั้น เพราะเจริญรุ่งเรือง สร้างมหาวิทยาลัย วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ปรัชญาและการแพทย์
       
       พาชมสะพานแบบโรมัน (ปูเอนเต้ โรมาโน) และเข้าชมมัสยิดหลวงเมซกีต้า สุเหร่าที่มีขนาดใหญ่ ศิลปะหลายแบบถูกบรรจงเติมแต่งให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะศิลปะแบบมุสลิมที่เรียกว่า “มีห์รับ” กระเบื้องเซรามิคของศิลปินชาวมัวร์แท้ๆ งดงามมาก
       
       เดินเล่นรอบตัวเมือง และชมสวนของเมือง
       
       จากนั้นออกเดินทางสู่เมือง Toledo เป็นเมืองริมฝั่งแม่น้ำทาร์กัส (Targus River) ที่ได้รับการยกให้เป็นเมืองที่น่าไปเยือนในอันดับต้นๆ ของสเปน เมืองนี้เป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยโรมันยังรุ่งเรือง ก่อนที่จะได้รับการเข้ามายึดครองโดยชาวมัวร์ ชาวยิว และสเปนได้ยึดครองต่อมา จนได้ฉายาว่า “เมือง 3 วัฒนธรรม” จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าโตเลโดเป็นอีกแห่งที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก
       
       อดีตเมืองหลวงของสเปนในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถือเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ผสม 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน, อิสลามและฮีบรู ตัวเมืองมีความแตกต่างของสถาปัตยกรรมแบบอารบิค, มูเดฆาร์, โกธิคและเรอเนสซองส์
       
       พาชมเมืองเก่าที่อยู่บนเนินเขา ล้อมรอบด้วยแม่น้ำเล็กๆ รอบเมือง ชมมหาวิหารปรีมาดา หรือ มหาวิหารแห่งโตเลโด (Catedral Primada) ที่สวยงามที่สุดของเมือง
       
       ชมจัตุรัสโชโกโดเบร์ (Plaza de Zocodover) พิพิธภัณฑ์ซานตากรูซ (Museo de Santa Cruz) ชม Alcazar Palace อันยิ่งใหญ่ สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก ใช้เวลาสร้างยาวนาน เดิมมุสลิมใช้เป็นสุเหร่าต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบโกธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อกและนีโอคลาสสิค จนเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา นับเป็นมรดกแสดงความเป็นเมืองศาสนาของสเปน ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตร
       
       จากนั้น โบสถ์ซานโต โตเม (Iglesia de Santo Tom?) และเดินเล่นรอบเมือง รับประทานอาหารท้องถิ่น และชอปปิ้งของพื้นเมืองคือ ดาป และมีดเหล็กกล้า
       
       ก่อนตะวันจะตกดิน จุดชมวิว เพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโตเลโด้ทั้งเมือง ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่จิตรกรชื่อดังของสเปนเอล เกรโก (EI Greco) สร้างสรรค์ภาพชื่อดังขึ้นมาก้องโลก
       
       ค้างคืน Toledo : ตัวอย่างโรงแรม Hotel Cigarral el Bosque
       
       
       
       10 - Madrid

 


       
       วันนี้เดินทางระยะทาง 73 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงเศษไปเที่ยว กรุงแมดริด เมืองหลวงของประเทศสเปนเก่าแก่นับพันปี เป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถือเป็นเมืองหลวงของประเทศและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นสเปนที่เที่ยวยอดนิยม เป็นแหล่งพิพิธภัณฑ์ชั้นเลิศอีกแห่งหนึ่งของยุโรป และยังมีอาคารเก่าแก่มากมายที่มีลักษณะคล้ายปราสาทในเทพนิยาย สถานที่ท่องเที่ยวที่ไปต้องไปชมมีหลายแห่ง
       
       พาเที่ยวใจกลางกรุงมาดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน ชม Real Casa de Correos (หลักกิโลเมตรที่ 0) ชม Plaza Mayor, ตลาดซานมิเกล (Mercado de San Miguel) ที่นี่มีอาหาร ของฝากให้เลือกซื้อหามากมาย อาหารประจำชาติสเปนที่อยากแนะนำให้ได้ลองรับประทาน คือ Jamon
       
       จากนั้นนำท่านชม พระราชวังหลวงมาดริด (Royal Palace of Madrid) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซานาเรส และสวยงามไม่แพ้พระราชวังดังๆ ในยุโรป สร้างด้วยหินทั้งหลัง ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมายถึง 2,830 ห้อง
       
       ชมจัตุรัสเอสปันญา (Plaza de Espana) ช็อปปิงถนนกรันเบีย (Gran Via) ที่มีความยาว 1.3 กิโลเมตร และไปต่อที่จัตุรัสซีเบเลส (Plaza de Cibeles) ปูเอร์ตา เด อัลกาลา (Puerta de Alcala) ซึ่งประตูเมืองอันงดงาม หากมีเวลาเดินเล่นสวนสาธารณะบวนเรติโร (Parque del Buen Retiro)
       
       สำหรับท่านใดที่สนใจและชื่นชอบฟุตบอลเป็นพิเศษสามารถเลือกชมทัวร์สนามทีมฟุตบอลเรอัลมาดริด
       (Estadio Santiago Bernabeu) เพิ่มเติมได้
       
       ค้างคืน Madrid : ตัวอย่างโรงแรม Rinc?n de Gran V?a
       
       
       
       11 - Segovia - San Lorenzo de El Escorial

 


       
       ออกเดินทางเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ระยะทาง 97 กิโลเมตรสู่เมืองเซโกเบีย (Segovia) ไม่ไกลจากมาดริด เพื่อไปชมมหาวิหารแห่งเมืองเซโกเบีย (Catedral de Segovia) และสะพานส่งน้ำโรมัน (Aqueduct of Segovia) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ติดตาเมื่อมาเที่ยวเมืองนี้ ชมอัลกาซาร์แห่งเซโกเบีย (Alcazar of Segovia Castle)
       
       นำท่านเดินทางประมาณ 50 นาทีไปเที่ยว พระราชฐาน ซาน โลเรนโซ เด เอลเอสโกเรียล (San Lorenzo de El Escorial) หรือเรียกอย่างย่อว่า เอลเอสโกเรียล (El Escorial) ในอดีตเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งสเปน สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1563-1584 รวมระยะเวลาในการสร้างนาน 21 ปี El Escorial ประกอบไปด้วยโรงเรียน ตั้งอยู่ด้านนอกพระราชวัง และมีพระราชวังขนาดใหญ่ด้านใน มีโบสถ์โรมัน วิหารคอร์ยาร์ด หอสมุด และพิพิธภัณฑ์ มีหอคอย 4 หลังสูงโดดเด่นเป็นสง่า มีสวนที่ทำเหมือนเขาวงกตอยู่ด้านข้างของพระราชวัง
       
       แล้วเดินทางกลับมาค้างคืนที่มาดริด
       
       ค้างคืน Madrid : ตัวอย่างโรงแรม Rinc?n de Gran V?a คืนที่สอง
       
       
       
       
       12 - Madrid - Salamanca

 


       
       ออกเดินทางสู่เมือง Salamanca เมืองสุดท้ายในสเปนก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังโปรตุเกส ระยะทางจาก Madrid สู่ Salamanca 220 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 25 นาที
       
       ซาลามันกาเป็นเมืองที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสเปนและมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับต้นๆ ของทวีปยุโรป นอกจากนั้นยังเป็นเมืองที่มีอาคารเก่ายุคเรเนซองส์ที่สวยมากที่สุดของยุโรปเมืองหนึ่ง เท่านั้นยังไม่พอ เมืองนี้ยังขึ้นชื่อว่ามีปราสาทเก่าแก่ที่อลังการมากที่สุดของสเปนอีกด้วย
       
       คฤหาสน์เก่าพลาซ่าเมเยอร์ (Plaza Mayor) และชม University of Salamanca เข้าชมห้องเรียน หอประชุมโบราณ ห้องสมุดโบราณ
       
       ชมวิหารเก่า Old Cathedral (Catedral Vieja) และวิหารใหม่ New Cathedral (Catedral Nueva)
       
       ชม Escuelas Menores ชม La Casa de las Conchas บ้านเปลือกหอย หรือ House of Shells บ้านที่เต็มไปด้วยปูนปั้นเปลือกหอย ไสตล์กอธิค
       สวยมากเหมาะสำหรับมาถ่ายภาพสุดๆ
       
       ชมสะพาน Puente romano de Salamanca (Roman bridge of Salamanca) สะพานโรมันโบราณทอดยาวข้ามแม่น้ำ และชมสนามวัวกระทิงที่เก่าแก่ที่สุดของสเปนคาสตาน่า (Casta?ar bullfighter arena)
       
       ค้างคืน Salamanca : ตัวอย่างโรงแรม Gran Hotel Corona Sol
       
       
       
       
       13 - Porto

 


       
       ออกเดินทางสู่ประเทศโปรตุเกส ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้สงบที่สุด อันดับ 5 ของโลก แถมโปรตุเกสมีครบหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง ผู้คนที่เป็นมิตร เมืองหลวงสุดฮิบ สวนสาธารณะ ชายหาด และที่สำคัญ ไม่แพง โปรตุเกสมีชายแดนติด ประเทศสเปนยาวถึง 1,214 กิโลเมตร ซึ่งนับว่าเป็นชายแดนร่วมที่ยาวที่สุดในยุโรปเลย
       
       พาเดินทางไปเมือง Porto เมืองทางเหนือของโปรตุเกส ระยะทาง 355 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที
       
       โปร์ตู (Porto) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดรูทางตอน เหนือของประเทศ เป็นเมืองท่าที่มีชื่อเสียงและได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996
       
       สำหรับคอไวน์ พาเยือนหุบเขาโดรู (Douro Valley) ที่ตั้งของแหล่งผลิตพอร์ตไวน์ หรือไวน์แดงหวานที่ไว้ดื่มคู่กับอาหาร ทางตอนเหนือของประเทศ ที่สามารถเชื่อมต่อไปถึงเมืองโปร์ตูได้ทางแม่น้ำโดรู โดยชื่อของพอร์ตไวน์ (Port wine) นั้นก็ที่มาจากเมืองโปร์ตู (Porto) นั่นเอง เพราะตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 เมืองโปร์ตูก็คือเมืองท่าหรือ Port ในการขายไวน์ชนิดนี้ คนจึงเรียกติดปากว่าพอร์ตไวน์มาจนถึงปัจจุบัน
       
       ระหว่างทาง สามารถแวะเที่ยวที่ Vidago Palace ปราสาทวิดาโก้ ด้านในมีบริการสปาน้ำแร่และสระว่ายน้ำ
       
       จากนั้นเดินทางไปใจกลางเมืองโปร์ตู เป็นเมืองที่รู้จักเป็นอย่างดีจาก Douro (แม่น้ำทองคำ) ท่าเรือ (Port) และไวน์ เสน่ห์ของเมืองนี้อยู่ที่ตึกต่าง ๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ Douro โดยเฉพาะย่าน Ribiera เราจะเห็นสีสันต่างๆ ของบ้านพักอาศัยกับร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ทอดยาวเลียบแม่น้ำไป และยิ่งตอนเย็นเมื่อพระอาทิตย์ตก วิวจากมุมนี้บอกได้คำเดียวว่าสวยมาก แสงจากพระอาทิตย์จะกระทบแม่น้ำเป็นสีทองซึ่งนั่นเป็นที่มาของคำว่า Duoro
       
       จากย่าน Ribiera เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำ Duoro ความพิเศษของสะพานนี้อยู่ที่ทีมออกกแบบของ กุสตาฟ ไอเฟล เราจะเห็นฐานของสะพานคล้ายๆกับหอไอเฟล ด้านบนของสะพานจะเป็นรางรถไฟ เส้นทางของสะพานข้ามจากตัวเมืองเก่ากับย่าน Vila Nova de Gaia ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ฝั่ง Vila Nova de Gaia เกือบทั้งหมดจะเป็นโรงบ่มไวน์ และร้านอาหารริมแม่น้ำ
       
       ชมวิหารแห่งปอโต้ se do porto (Porto Cathedral) จะพบวิวแบบพาโนรามา เห็นบ้านเมืองเป็นสีส้ม สูงต่ำสลับกัน รวมถึงเห็นแม่น้ำ Douro อันสวยงามอีกด้วย
       
       ชม Liberdade Square (Historical center) เป็นจัตุรัสกลางเมืองเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการประจำเมืองแบบนีโอคลาสสิก และยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Monument to King Peter IV อดีตกษัติย์ของโปรตุเกสอีกด้วย
       
       ชม Torre dos Cl?rigos หอระฆังสำคัญประจำเมือง สามารถขึ้นบันได 240 ขั้นเพื่อชมวิวของ Porto จากมุมสูงได้
       
       สำหรับแฟนๆแฮรี่ พอตเตอร์ พลาดไม่ได้กับร้านหนังสือ Livraria Lello ที่ว่ากันว่าเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในการเขียนแฮรี่ พอตเตอร์ของเจ.เค.โรว์ลิ่ง
       
       ค้างคืน Porto : ตัวอย่างโรงแรม HF Tuela Porto
       
       
       
       14 - Guimaraes

 


       
       ออกเดินทางสู่เมืองกิมาไรส์ Guimaraes ซึ่งอยู่ห่างจาก Porto ไปเพียง 55 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็เดินทางถึง กิมาไรส์ (Guimaraes) เป็นเมืองประวัติศาสตร์สวยที่สุดในโปรตุเกส อยู่ทางตอนเหนือของโปรตุเกส และเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งบริเวณศูนย์กลางของเมืองได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
       
       เมืองกิมาไรส์ เป็นเมืองท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่ประสูติของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 1 กษัตริย์พระองค์แรกของโปรตุเกส โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ในหุบเขาที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงตระหง่าน อากาศ เย็นตลอดทั้งปี
       
       ปัจจุบันเมืองกิมาไรส์ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยเฉพาะชื่อเสียงของ ปราสาทกิมาไรส์ (Guimaraes Castle) ปราสาทยุคกลางที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 ตามคำสั่งของ Mumadona Dias เคาน์เตสแห่งโปรตุเกส เพื่อปกป้องเมืองจากการโจมตีของชาวมัวร์และชาวนอร์แมน ซึ่งปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโปรตุเกสไปแล้ว
       
       
       เดินเที่ยวเล่นในเขตเมืองเก่า Guimaraes ไดัรับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO และชมพระราชวัง Palace of the Dukes of Braganza
       
       จัตุรัส Oliveira (Largo da Oliveira ) ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองกิมาไรส์ และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเมือง ซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือน รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญทาง ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงร้านอาหารและร้านกาแฟ ซึ่งเปิดบริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมเมืองเป็นจำนวนมาก
       
       สุดท้ายชมความสวยงามของ ภูเขา Penha ที่นี่คุณจะได้ชมวิวเมืองกิมาไรส์ในมุมมองที่สวยที่สุดอีกด้วย
       
       
       เดินทางกลับไปค้างคืน Porto : ตัวอย่างโรงแรม HF Tuela Porto คืนที่ 2
       
       
       
       15 - Braga

 


       
       ออกเดินทางไปเมืองบรากา Braga อยู่ทางตอนเหนือของประเทศโปรตุเกส ใกล้ๆ กับเมือง Porto ห่างไปเพียง 55 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางจาก Porto ราว 50 นาที
       
       บรากาถือว่าเป็นอีกเมืองที่ความสวยงามเเละน่าสนใจอย่างมากในทุกๆ ด้านเลยก็ว่าได้ เเละการมาเที่ยวโปรตุเกสหากไม่มาเที่ยวบรากาเเล้วก็เหมือนกับว่าจะพลาดโอกาสชมความงดงามของงาศิลปกรรมสวยๆ อย่างน่าเสียดาย
       
       Braga นับว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับที่สามของโปรตุเกส โดยตั้งอยู่ในหุบเขาที่เเสนจะสวยงามท่ามกลางเนินเขาเล็กๆ และภูเขาที่มีความเขียวชอุ่มมากมาย พร้อมกับให้คุณได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศในแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่สบายๆ เป็นอย่างยิ่ง เเละที่สำคัญนั้นเมืองเเห่งนี้จะเต็มไปด้วยอาคารสำคัญๆ ทางศาสนามากมาย เเละพิพิธภัณฑ์ที่มีความสวยงามหลายต่อหลายเเห่ง เรียกว่าเป็นเมืองที่ครบเครื่องเเละเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในการมาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
       
       
       เป็นเมืองที่เจริญรวดเร็วที่สุดเเห่งหนึ่งของยุโรป โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างมากก็คือ ที่ Bom Jesus do Mon โบสถ์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาของเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Braga สวยงามมาก
       
       
       เป็นสถานที่ที่มีความเชื่อกันมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก มีโบสถ์อยู่ด้านบน ต้องขึ้นบันไดผ่านเเนวกำเเพงที่ทอดยาว โดยตัวโบสถ์นั้นมีความเก่าเเก่มาตั้งเเต่ศตวรรษที่ 18 ซึ่งสร้างบนฐานเดิมตั้งเเต่ศตวรรษที่ 13
       
       สามารถชมความสวยงามของเมืองบรากาได้จากบริเวณที่ตั้งของโบสถ์ซึ่งมีความงดงามอย่างมาก ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองก็คือวิหารบรากา ซึ่งสร้างมาตั้งเเต่สมัยศตวรรษที่ 3 โดยด้านหน้ามีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมในเเบบโกธิคที่สวยงาม เเละภายในนั้นมีความเก่าเเก่เเละหรูหราอย่างมาก
       
       ชม Braga's Cathedral ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง Braga
       
       นอกจากนี้เเล้วใน Braga ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายหลายต่อหลายเเห่งด้วยกันทั้งในส่วนของวิหาร Sao Frutuoso Chapel ที่มีความสวยงามเห่าเเก่เป็นอย่างยิ่งเพราะสร้างมาตั้งเเต่สมัยศตวรรษที่ 7 เเถมยังเป็นอนุสาวรีย์ที่โด่งดังอย่างมากของโปรตุเกส ส่วนทางด้านของพิพิธภัณฑ์ D. Diogo de Sousa Museum ก็เรียกว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวของเมืองบรากาที่จัดเเสดงเอาไว้
       
       พิพิธภัณฑ์ Museu dos Biscainhos นั้นก็มีความหรูหราเเละเก็บงานศิลปะไว้อย่างมากมาย ส่วนที่สวน Garden of Santa Barbara ก็มีการตัดเเต่งที่เป็นพุ่มอย่างสวยงาม โดยมีพระราชวัง Archbishop’s Palace เป็นอีกเเห่งที่มีความสวยงามเเละไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม
       
       ค้างคืน Porto : ตัวอย่างโรงแรม HF Tuela Porto
       
       
       16 - Lisbon

 


       
       ออกเดินทางสู่เมืองหลวของโปรตุเกสคือเมือง Lisbon ระยะทาง 313 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง
       
       เมืองลิสบอน (Lisbon) หรือลิซบัว (Lisboa ในภาษาโปรตุเกส) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเพียงแห่งเดียวที่มีชายแดนติดมหาสมุทรแอตแลนติก ประชากรของโปรตุเกสถึง 27% อาศัยอยู่ที่นี่ มีรถตุ๊กตุ๊กพานักท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆ
       
       จุดชมวิวแรก ขึ้นกระเช้าไฟฟ้ารางแบบโบราณ Gl?ria Funicular หรือ Ascensor da Gl?ria ไปชมสวน Miradouro de Sao Pedro de Alcantara จะได้วิวแบบพาโนรามาของเมือง และยังได้ชมสวนสไตล์กรีก-โรมันขนาดย่อมทางชั้นล่างอีกด้วย โดยตำแหน่งตรงข้ามถนนกับสวนนั้นก็คือ Solar do Vinho do Porto หรือสถาบันพอร์ตไวน์ ที่มีไวน์ให้ลิ้มลองถึง 300 ชนิด
       
       Portas Do Sol คือจุดชมวิวที่สอง วิวที่เห็นจะใกล้กับแม่น้ำทาโซ (Tagus River) ที่ไหลมาบรรจบกับมหาสมุทรแอตแลนติก จะได้วิวแบบพาโนรามาของหลังคาสีส้มอิฐ
       
       จากนั้นไปชม Bairro Alto ทางตอนเหนือของกรุงลิสบอน ที่ละแวกนี้เอง คือพื้นที่ที่มีผู้คนเริ่มมาสร้างที่อยู่อาศัยนอกกำแพงเมืองลิสบอนตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยลักษณะถนนจะไม่เรียบเพราะทำมาจากหินและเป็นเนินขึ้นลงตลอด อาคารตึกแถวบริเวณนี้สูงประมาณสามชั้น ตกแต่งสีสันสดไสไม่แพ้เวนิสเลยทีเดียว
       
       
       บริเวณจตุรัส Chaido ใกล้กับ Bairro Alto เป็นแหล่งพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวและชาวเมือง ที่ออกมาพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด สามารถเดินมาจาก Bairro Alto ได้อย่างรวดเร็ว ละแวกนี้มีร้านขายของมากมายและร้านอาหารนานาชนิดให้ลองชิม
       
       
       Jerenimos Monastery คือหนึ่งในสถานที่สำคัญที่ควรมาเยี่ยมชม เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดย UNESCO ตั้งแต่ปี 1983 โดยคำว่า monastery เมื่อแปลตรงตัวก็คืออาราม หรือที่อยู่อาศัยของพระนั่นเอง
       
       
       ชมอนุสาวรีย์แห่งการค้นพบ (Padrio dos Descobrimentos หรือ Monument to the Discoveries) เป็นอนุสาวรีย์ติดกับแม่น้ำทาโซ (Tagus River) ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของโปรตุเกสกับความสำเร็จของนักสำรวจชาวโปรตุเกสในการทำการค้าขายกับประเทศอินเดียและทวีปเอเชียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ 16
       
       
       ไปเที่ยว Time Out Mercado da Ribeira หรือตลาดไทม์ เอาต์แห่งเมืองลิสบอน มีลักษณะคล้ายฟู้ดคอร์ตบ้านเรา แต่อีกฝั่งหนึ่งของอาคารจะเป็นตลาดสด สามารถใช้เงินสดซื้อได้เลยที่แต่ละร้าน โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลเพราะเป็นอาหารหลักของโปรตุเกส เมนูที่แนะนำก็คือแซนด์วิชทูน่ารมควัน บวกกับขนมปังนิ่มสีดำที่มีความลงตัวแบบแปลกใหม่ ต้องลอง และสิ่งที่ควรต้องไปลองชิม ก็คือทาร์ตไข่ ขนมท้องถิ่นของโปรตุเกส
       
       ตกเย็น ไปรับประทานร้านอาหารทะเล Cervejaria Ramiro ร้านนี้ไม่มีเมนูปลา ส่วนใหญ่จะเน้นกุ้ง เมนูแนะนำคือกุ้งแดงตัวใหญ่ ร้านนี้ไม่สามารถจองโต๊ะได้ จึงมีแถวยาวเหยียดรออยู่นอกร้าน แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการรอคอย เพราะอาหารทะเลสดและอร่อยมาก ส่วนราคาก็ย่อมเยา
       
       ค้างคืน Lisbon : ตัวอย่างโรงแรม America Diamonds Hotel
       
       
       
       17 - Sintra

 


       
       ออกเดินทางสู่เมือง Sintra เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกสุด เมืองแห่งปราสาทและเป็นเมืองมรดกโลกซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Lisbon ระยะทาง 33 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมง
       
       ชม Pena Palace พระราชวังที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นมรดกโลก และเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโปรตุเกสซึ่งมีสีสันแปลกตา
       ชมแหลม Cabo da Roca ริมทะเล จุดที่อยู่ฝั่งตะวันตกที่สุดของแผ่นดินยุโรป ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก
       
       
       ขากลับพาเที่ยวเมือง Obidos โอบิโดส ที่ไม่ควรจะพลาดเมื่อไหนๆ ก็มาเยี่ยมเยืยนโปรตุเกสแล้ว รากฐานของคำว่าโอบีโดสมาจากภาษาละตินซึ่ง แปลว่าป้อมปราการ เหมาะกับชื่อเมืองแห่งนี้ที่สมัยก่อนเป็นเมืองป้อมที่รายล้อมด้วยกำแพงสูงเพื่อป้องกัน ศัตรู
       
       
       โดยเฉพาะช่วงสองอาทิตย์ของเดือนกรกฎาคมของทุกปี จะมีเทศกาลมาร์เก็ตยุคกลาง หรือ Medieval Market ซึ่งภายในเมืองจะมีการตกแต่งเลียนแบบสมัยยุโรปยุคกลาง (Medieval era) พร้อมกับนักแสดงกายกรรม พ่อค้าแม่ค้าแต่งตัวตามธีม อีกทั้งยังมีพาเหรดอัศวินต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองบรรยากาสของยุโรปยุคโบราณอย่างแท้จริง
       
       ด้วยขนาดพื้นที่ของเมือง การเดินเที่ยวจึงใช้เวลาไม่นาน หนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างมาก ถึงจะเล็กแต่ก็มีของท้องถิ่นให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำส้มคั้นสด หรือช็อกโกแลตใส่เหล้าเชอร์รี่ ด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง และบ้านเรือนที่เป็นอาคารสีขาวเรียบง่าย แต่งแม่สีบ้างเล็กน้อย ทำให้ที่นี่เปรียบเหมือนเป็น Little Santorini ของโปรตุเกสเลยก็ว่าได้
       
       เดินทางกลับมาค้างคืน Lisbon : ตัวอย่างโรงแรม America Diamonds Hotel คืนที่ 2
       
       
       18 - Lisbon - Airport

 


       
       วันนี้ไม่มีทัวร์ เราจัดรถรับส่ง ณ สนามบิน นำท่านสู่ Lisbon Portela Airport เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ตามเวลากำหนด
       
       ปล. หากท่านมีเวลามาก วันนี้แนะนำให้ไปเที่ยวเอง ที่พิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ ที่น่าสนใจ คือ MAAT หรือ The Museum of Art, Architecture and Technology เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งศาสตร์และศิลป์ที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว
       
       พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Tagus ในเขต Belem ของกรุงลิสบอน ไม่ไกลจากหอคอยแห่งเบเลมและมหาวิหารเจโรนีโมซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง โดย MAAT วางตัวเองเป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงประวัติศาสตร์ ศิลปะร่วมสมัย ตลอดจนนำเสนอวิสัยทัศน์ของงานสถาปัตยกรรม ไปจนถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยต่างๆ สำหรับหัวเรือใหญ่ที่มารับหน้าที่เป็น Museum Director ของที่นี่ก็คือ Pedro Gadanho อดีต Curator คนสำคัญแห่ง MoMA นิวยอร์ก
       
       อ่านบทความเต็ม http://www.culturedcreatures.co/lisbon-maat/
       
       


       ราคา
       ค่ารถตู้พร้อมคนขับ ราคาวันล 40,000 บาท 

ราคารวม

  1. ค่ารถตู้พร้อมคนขับ (ราคารวมค่าน้ำมัน ทางด่วน โรงแรมและอาหารของคนขับแล้ว)
  2. ค่าประกันการเดินทางแบบกลุ่ม ตามกฏหมายกำหนด คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์ 

ราคาไม่รวม

  1. โรงแรมของท่าน
  2. ที่จอดรถ จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเลือกเที่ยวจริง
  3. กรณีรถโค้ช ราคาไม่รวม City permit จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเที่ยวจริง, หากมีเอารถลงเรือ Ferry จ่ายเองหน้างานตามจริง
  4. ทิปคนขับ ตามพอใจ แนะนำ วันละ 40 ยูโร/คณะ
  5. อื่น ๆ ที่ไม่เขียนว่ารวม เช่น อาหารเที่ยงและเย็น ค่ายกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก ค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ตั๋วท่องเที่ยว จ่ายหน้างานเองตามจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%
  6. หากต้องการหัวหน้าทัวร์ จ่ายเพิ่มวันละ 16,500 บาท ราคารวมโรงแรมและอาหารหัวหน้าทัวร์แล้ว


       Entrance fee :
       
       Guggenheim Bilbao Museum เมือง Bilbao
       ค่าขึ้นกระเช้า Funicular de Artxanda
       พระราชวังหลวงมาดริด (Royal Palace of Madrid)
       มหาวิหารแห่งเมืองเซโกเบีย (Catedral de Segovia)
       อัลกาซาร์แห่งเซโกเบีย (Alcazar of Segovia Castle)
       พระราชฐาน ซาน โลเรนโซ เด เอลเอสโกเรียล (San Lorenzo de El Escorial)
       พิพิธภัณฑ์ซานตากรูซ (Museo de Santa Cruz)
       Alcazar Palace
       มหาวิหารแห่งเซบีญา (Catedral de Sevilla)
       สนามสู้วัวกระทิง (Plaza de Toros de La Maestranza)
       พระราชวังอาลัมบรา (Alhambra Palace)
       ซากราดา ฟามิเลีย (Sagrada Familia)
       กาซาบัตโต (Casa Batllo)
       กาซามีลา (La Pedera / Casa Mila)
       กระเช้าชมเนินเขามองต์คูอิก (Montjuic)
       University of Salamanca
       House of Shells
       Castazar bullfighter arena
       Palace of the Dukes of Braganza
       Jerenimos Monastery
       Sio Jorge Castle
       Pena Palace
       
       

การจ่ายเงิน

  • งวด 1 มัดจำ คณะละ 5,350 บาท สามารถจองผ่านบัตรเครดิต ผ่านหน้าระบบเวบไซต์ได้เลย จากนั้นเราจะออกใบจองทัวร์คอนเฟิร์มให้ท่าน (หากทริปไม่คอนเฟิร์ม จะคืนเงินให้ 100% ภายใน 7 วัน)
  • งวดที่ 2 ท่านละ 5,000 บาท ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว
  • งวดที่ 3 ท่านละ 25,000 หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว หรือ/และก่อนเดินทาง ไม่น้อยกว่า 30 วัน
  • งวดที่ 4 ท่านละ ที่เหลือ วันที่ 2 ของทริป หลังจากเราไปรับท่านแล้ว (เพื่อความมั่นใจ)